Custom Search

การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญ

Posted on วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556 by modal

ผู้ถือ หุ้นสามัญ มีฐานะเป็นเจ้าของกิจการ มีลักษณะสำคัญ 2 ประการคือ

  1. บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเมื่อมีกำไร
  2. ถ้าผู้ถือหุ้นสามัญขายหุ้นได้ราคาสูงกว่าราคาที่ซื้อมา เรียกว่า กำไรส่วนทุน (capital gain) ถ้าขายได้ต่ำกว่าเรียก capital loss

สัญลักษณ์ที่สำคัญ

D0 = เงินปันผลปีปัจจุบัน
Dt = เงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับในปี t
P0 = ราคาตลาดของหุ้นสามัญในปัจจุบัน
P^t = ราคาตลาดของหุ้นสามัญที่คาดไว้ปลายปี t
P^0 = ราคาหุ้นสามัญที่ควรจะเป็น หรือราคาตามทฤษฎี
P0 = P^0 ถ้าตลาดอยู่ในดุลยภาพ
g = อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินปันผลที่คาดไว้
kS = อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ
K^S = อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ
S = อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจริง
ข้อควรจำ
D0 = เงินปันผลปัจจุบัน (ได้รับไปแล้ว)

D1 = เงินปันผลสิ้นปีปัจจุบัน (ยังไม่ได้รับ)

ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากหุ้นสามัญ

ผลตอบแทนจากหุ้นสามัญ = เงินปันผล + กำไรจากราคาหุ้น
K^S=D1/P0 + (P^1 - P^0)/P^0
D1/P0 = อัตราเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับในปีถัดไป
(P^1 - P^0)/P^0 = อัตรากำไรที่คาดว่าจะได้รับจากการขายหุ้นสามัญในปีถัดไป

การประเมินมูลค่าหุ้นสามัญโดยใช้เงินปันผลเป็นเกณฑ์

เป็นการประเมินราคาหุ้นสามัญโดยสมมติว่าผู้ลงทุนซื้อหุ้นแล้วถือไว้ตลอดไปเพื่อรับเงินปันผล
ดังนั้น มูลค่าหุ้น จึงเท่ากับมูลค่าปัจจุบันของเงินปันผลทั้งหมดที่ได้รับในอนาคต
มูลค่าหุ้นปัจจุบัน มูลค่าปัจจุบันของ
เงินปันผลปีที่ 1
มูลค่าปัจจุบันของ
เงินปันผลปีที่ 2
มูลค่าปัจจุบันของ
เงินปันผลปีที่ 3
มูลค่าปัจจุบันของ
เงินปันผลปีที่ infinity
P0 D1/(1+kS)1 + D2/(1+kS)2 + D3/(1+kS)3 ... + D8/(1+kS)8

มูลค่าหุ้นสามัญตามทฤษฎี กรณีที่อัตราเงินปันผลเพิ่มขึ้นคงที่

  • สูตรสำคัญ
P^0 = D0(1+g)/(kS -g)
P^0 = D1/(kS -g)
ถ้าเงินปันผลเท่ากันทุกๆปี (g=0)

P^0 = D0(1+0)/(kS -0) = D/kS

การจัดหาเงินทุนสำหรับสินทรัพย์หมุนเวียน

Posted on by modal

นโยบายการจัดหาเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน

  • Permanent Current Asset สินทรัพย์หมุนเวียนขั้นต่ำที่ธุรกิจมีไว้เพื่อการดำเนินงานตามปกติ
  • Temporary Current Asset สินทรัพย์หมุนเวียนที่ต้องการเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราวเพื่อยอดขายที่เพิ่มขึ้น

ธุรกิจเลือกใช้นโยบายสินทรัพย์หมุนเวียนได้ 3 แบบ

1. Maturity Matching (Self Liquidating Approach) มีหนี้สินหมุนเวียนตามสถานการณ์ 2. Relatively Aggressive Approach' มีส่วนของเจ้าของและหนี้สินระยะยาวน้อย ทำให้มีหนี้สินหมุนเวียนมาก 3. Conservative Approach มีส่วนของเจ้าของและหนี้สินระยะยาวมาก ทำให้มีหนี้สินหมุนเวียนที่ต้องการเพิ่มขึ้นน้อย

เงินลงทุนระยะสั้น

ข้อดี
  • ใช้เวลาในการกู้น้อยกว่า
  • มีความยืดหยุ่นมากกว่า เหมาะกับความต้องการลงทุนตามฤดูกาล
  • ต้นทุนของหนีสินระยะสั้นต่ในภาวะปกติต่ำกว่าระยะยาว
ข้อเสีย
  • มีความเสี่ยงมากกว่า
  • อัตราดอกเบี้ยผันผวน
  • ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำจะไม่สามารถชำระหนี้ได้

แหล่งเงินทุนระยะสั้น

  • ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
  • เจ้าหนี้การค้า
  • เงินกู้จากธนาคาร
  • ตราสารพานิชย์
  • เงินกู้ที่มีหลักประกัน

ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย

  • ไม่มีต้นทุน
  • ไม่มีดอกเบี้ย

เจ้าหนี้การค้า หรือเครดิตทางการค้า

  • เครดิต (สินเชื่อ) ที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นเงินเชื่อ
  • เป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้นที่ใหญ่แหล่งหนึ่ง โดยเฉพาะกิจการขนาดเล็ก
  • เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ไม่ยุ่งยากแต่มีต้นทุนสูง
ตัวอย่างการคำนวณ
นาย ก ซื้อสินค้าถัวเฉลี่ยวันละ 2000 บาท
ผู้ขายให้เครดิต 10 วัน
แหล่งเงินทุนของนาย ก ที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติจากเครดิตทางการค้า = 2000x10 = 20,000 บาท

ต้นทุนของเครดิตทางการค้า

ตัวอย่าง A&B ซื้อสินค้า 30,000 บาท เงื่อนไขการขาย 2/10,net 30

ราคาที่กำหนด = ราคาจริง + Finance Charge
30,000 = 29,400 + 600
100% = 98% + 2%
ระยะเวลา 20 วัน = ผลประโยชน์ที่สูญเวียไป/ราคาจริง = 2/98
ระยะเวลา 1 ปี = 2/98 x 365/20
อัตรา Finance Charge = 37.2%
จำนวนรอบ = 365/20 = 18.25 EFF = (1.0204)^18.25-1 = 44.6%

เงินกู้ระยะสั้นจากธนาคาร

  • เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญ แต่ไม่สามารถเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
  • ต้นทุนของการกูขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของการกู้

การกู้เงินแบบ FLAT RATE

  • ดอกเบี้ย 12% ผ่อนชำระเงินต้นรวมดอกเบี้ยเป็นงวดทุกเดือน
  • ดอกเบี้ยจ่าย = 0.12(10,000) = 1,200 บาท
  • รวมเงินต้นและดอกเบี้ย = 10,000+1,200 = 11,200 บาท
  • ผ่อนชำระเดือนละ 11,200/12 = 933.33 บาท

PV = 10,000;
PMT = 933.33;
FV = 0;
N=12;
CPT; I=1.788%

EFF = 1.01788^12-1 = ประมาณ 24%

การเช่า

Posted on by modal

การเช่าหมายถึงผู้ให้เช่าสินทรัพย์ยินยอมให้ผู้เช่าสินทรัพย์มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ตามที่ทำสัญญาไว้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยได้รับค่าเช่าเป็นการตอบแทน

ประเภทของการเช่า

  • ขายและเช่ากลับคืนมา (Sales and Leaseback)
  • การเช่าเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (Operating Lease)
  • การเช่าเพื่อได้รับกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ (Capital Lease)

ข้อแตกต่างของ Operating Lease และ Capital Lease

Capital Lease Operating Lease
ค่าบำรุงรักษา ผู้เช่าต้องจ่ายเอง ผู้ให้เช่ารับผิดชอบ
บอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ไม่ได้ ได้
กรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์ เปิดโอกาสให้มีกรรมสิทธิ์ ไม่ได้

การประเมินการเช่นโดยผู้เช่า


  • วิเคราะห์จากกระแสเงินสดของกรณีที่เช่า กับซื้อด้วยเงินสด
  • วิธีการจัดหาเงินทุน
  • ประมาณมูลค่าซากของสินทรัพย์
  • นำต้นทุนของการเช่า (NPV) มาเปรียบเทียบกัน 

ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในการซ้ำหุ้นสามัญ(Warrant)

Posted on by modal

Warrant คือใบสำคัญแสดงสทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ ผู้ถือ Warrant มีสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญในเวลาและราคาที่กำหนด

  • บริษัทจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ให้ผู้ซื้อหลักทรัพย์ประเภทหนี้สิน เพื่อเป็นการจูงใจผู้ลงทุน ให้ยินดีลงทุนโดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่มีโอกาสได้รับเงินปันผลจากการเจริญเติบโตของบริษัทในอนาคต

ตัวอย่างการคำนวณมูลค่า Warant

หุ้นกู้ธรรมดาในตลาดที่ออกจำหน่ายอัตราดอกเบี้ย 6.10 % ต่อปี แต่บริษัท ต้องการจะออกหุ้นกู้ พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ ( Warrant ) 10 ฉบับ ในราคา 1,000.- บาท อายุหุ้นกู้ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.25  % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยปีละหนึ่งครั้ง ให้คำนวณต้นทุนของหุ้นกู้ และ ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) ว่ามีมูลค่าฉบับละเท่าไหร่

วิธีคิด
หามูลค่าพันธบัตร
FV=1,000;
N=4;
I/Y=6.10;
PMT=1000*0.0425;
CPT; PV= -789.26;
หุ้นกู้ราคา 789.26;
Warrant 10 ฉบับ ราคา 1000-798.26=201.74 บาท
Warrant ฉบับละ 201.74/10 = 20.174 บาท

ทฤษฎีเงินปันผล

Posted on by modal

ผู้ลงทุนชอบเงินปันผลสูงหรือต่ำ มี 3 ทฤษฎี
1. Dividend Irrelevance - ผู้ลงทุนไม่สนใจว่าจะมีเงินปันผลหรือไม่ เพราะหากต้องการเงินก็ขายหุ้นได้ หากไม่ต้องการเงินปันผล ก็นำเงินปันผลมาลงทุนใหม่ได้ มูลค่าของกิจการจะถูกกำหนดโดยความสามารถในการทำกำไรและความเสี่ยงทางธุรกิจ
2. Bird-in-the-hand - ผู้ลงทุนคิดว่า เงินปันผล มีความเสี่ยงน้อยกว่ากำไรที่จะได้รับในอนาคต จึงชอบเงินปันผลในอัตราสูง ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นสามัญสูงด้วย
3. Tax Preference - ผู้ลงทุนคิดว่ากำไรส่วนทุนมีภาษีต่ำกว่าเงินปันผล และเป็นเงินที่จ่ายในอนาคต จึงต้องการให้ปันผลน้อยๆ
ทฤษฎีอื่นๆ 2 ทฤษฎี
4. ข้อมูลข่าวสารหรือสัญญาณ - ทฤษฎีนี้อธิบายว่า ควรจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ไม่เพิ่มไม่ลด เพื่อไม่ให้มีสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มของบริษัทเผยแพร่ออกไป
5. Clientele Effect - หมายถึง แนวโน้มที่บริษัทต้องดึงดูดผู้ลงทุนโดยกำหนดนโยบายเงินปันผลที่ผู้ลงทุนพอใจ ผู้ลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำจะต้องการเงินปันผลสูง

บทความที่ได้รับความนิยม